สั่งของจาก taobao หรือธุรกิจขายของออนไลน์ – นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศนั้น จัดเป็น 1 ในธุรกิจ SME (Small and Mid-Size Entreprise) ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. 

เพราะเมื่อมีผู้ประกอบการในประเทศเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์หรือสั่งของจาก taobao นั่นย่อมหมายถึงว่า มีการจ้างงานของแรงงานในประเทศเกิดขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าภายในประเทศเติบโต

สำหรับปีนี้ สสว.ประเมินสถานการณ์ปัจจัยที่ต้องระวังสำหรับธุรกิจ SME คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า การแข็งค่าของเงินบาท สัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือน การขอสินเชื่อของ SME จากสถาบันการเงินยังคงทำได้ยาก รวมถึงกระแสของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือแย่งส่วนแบ่งของธุรกิจในรูปแบบดั้งเดิม (อ่านเพิ่มเติม อัพเดท 7 ธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2020)

อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า ผู้ประกอบการ SME ไทยในปัจจุบันนี้มีกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจไมโคร (MSME ย่อมาจาก Micro Small and Medium-Sized Enterprise) สำหรับนักธุรกิจออนไลน์มือใหม่ที่สั่งของจาก taobao อาจจะสงสัยว่า ธุรกิจ MSME กับธุรกิจ SME มีความต่างกันอย่างไร ? คำตอบก็คือ ธุรกิจ MSME คือกิจการมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีหรือไม่เกิน 150,000 บาทต่อเดือน และมีจ้างงานไม่เกิน 5 คน ในขณะที่ธุรกิจ SME คือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยลักษณะของธุรกิจ SME ที่ถูกกำหนดไว้ในพรบ.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ระบุว่า 

• กิจการค้าส่ง ขนาดย่อม มีการจ้างงานไม่เกิน 25 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 50 ล้านบาท / ขนาดกลาง มีการจ้างงาน 26-50 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวร 51-100 ล้านบาท
• กิจการค้าปลีก ขนาดย่อม มีการจ้างงานไม่เกิน 15 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 30 ล้านบาท / ขนาดกลาง มีการจ้างงาน 16-30 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวร 31-60 ล้านบาท
• กิจการผลิตสินค้า ขนาดย่อม มีการจ้างงานไม่เกิน 50 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 50 ล้านบาท / ขนาดกลาง มีการจ้างงาน 51-200 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวร 51-200 ล้านบาท
• กิจการให้บริการ ขนาดย่อม มีการจ้างงานไม่เกิน 50 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 50 ล้านบาท / ขนาดกลาง มีการจ้างงาน 51-200 คน มีจำนวนสินทรัพย์ถาวร 51-200 ล้านบาท

เพราะฉะนั้น ธุรกิจขายของออนไลน์ – นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงอาจเป็นได้ทั้ง SME หรือ MSME ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายได้และจำนวนการจ้างงานนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้ สสว. จึงมุ่งเน้นการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยหรือไมโครเป็นหลัก โดยมีแผนส่งเสริมธุรกิจที่มุ่งเน้น 5 ด้านหลักๆ ได้แก่

1. สร้างผู้ประกอบการใหม่ให้ดำเนินธุรกิจแบบ Smart MSME
2. ขับเคลื่อน MSME สู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
3. พัฒนา Micro SME ให้ได้รับมาตรฐานสินค้า เข้าสู่ตลาดและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้
4. สร้างการตระหนักรู้เรื่องการใช้ Data ให้เป็นประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจ (Data-Driven Enterprise)
5. ส่งเสริม MSME ที่ผลิตสินค้าให้ต่อยอดธุรกิจการค้าบริการ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและยกระดับรายได้ (Servitization)